กลางเดือนตุลาคม ๒๕๖๔
ได้ยินข่าวพระเอกหนังรุ่นเก่าท่านหนึ่งเสียชีวิตอย่างกระทันหัน โดยแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตเพราะ
“โลหิตเป็นกรด” สงสัยว่ามันคือโรคอะไร ก็ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้พบว่าเราก็มีอาการคล้ายๆกับโรคนี้
คืออ่อนเพลีย อ่อนล้า มึนงง ง่วงนอน ปวดหัว ส่วนสาเหตุอย่างหนึ่งของโรคก็คล้ายกันอีก
คืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การได้รับสารเคมีหรือสารพิษ ภาวะเลือดเป็นกรดทำให้ร่างกายค่อยๆเสื่อมลงช้าๆ
และค่อยๆรบกวนการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และยังเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆและทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกายได้อีกหลายอย่าง เลือดเป็นกรดคือภาวะที่เลือดในร่างกายมีค่าความเป็นกรดสูงเกินไป(ค่า
pH ต่ำกว่า ๗.๓๕) เกิดขึ้นเมื่อไตและปอดไม่สามารถรักษาสมดุลของความเป็นกรดด่างในเลือดได้(ปอดและไตไม่สามารถขับกรดส่วนเกินออกจากร่างกาย)
หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้ช็อกจนเสียชีวิตได้
สภาพที่บ้านเราก็เป็นอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
มีกลิ่นแก๊สสารพัดทุกวัน หลักๆก็มีกลิ่นน้ำครำ กลิ่นแก๊สไข่เน่า
กลิ่นน้ำคลองขาว(เป็นกลิ่นที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับน้ำในคลองข้างบ้านเป็นสีขาวเหมือนมีคนเอาสารเคมีบางอย่างเทลงคลอง
แต่ระยะหลังๆน้ำในคลองไม่ขาวก็มีกลิ่นนี้) กลิ่นเชื้อรา กลิ่นยาฆ่าแมลง
กลิ่นท่อไอเสีย กลิ่นควันเผาไหม้ต่างๆ เราเคยออกไปเช็คที่ริมคลองพบว่าอากาศปกติไม่มีกลิ่นเหล่านั้น
สรุปก็คือกลิ่นมีอยู่ในบ้านเราและไม่ใช่แก๊สที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แอร์เปิดไม่ได้เพราะถ้าเปิดห้องก็จะกลายเป็นห้องอบแก๊ส
เวลานอนต้องเปิดพัดลมอุตสาหกรรมสองตัวช่วยระบายลม แต่ถ้าอัดแก๊สแรงๆก็เอาไม่อยู่ เราต้องตื่นเพราะกลิ่นแก๊สฉุนเข้าไปในโพรงจมูกทุกวัน
ทำให้ไม่ได้นอนต่อเนื่อง หลับๆตื่นๆ บางวันนอนแทบไม่ได้เลย ไม่เคยตื่นนอนด้วยความรู้สึกสดชื่น
ไม่แน่ใจว่าปีหนึ่งจะได้นอนโดยไม่มีกลิ่นแก๊สถึงห้าวันหรือเปล่า แก๊สเหล่านั้นคือสารพิษ
เมื่อร่างกายรับสารพิษเข้ามาต่อเนื่องประกอบกับไม่ได้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ
สภาพร่างกายก็ทรุดโทรมเพราะฟื้นตัวไม่ทัน เหมือนคนป่วยเรื้อรัง ง่วง มึน เพลีย ล้า
ทุกวัน
ระยะนี้มีแก๊สมากขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน
เป็นการเพิ่มแรงบีบเร่งให้เราขายบ้านออกไปจากที่นี่ อันที่จริงพวกเขาใช้แก๊สกดดันเรามาตลอดยี่สิบปี
แต่การเพิ่มระดับการใช้แก๊สกับเราร่วมกับมาตรการกดดันอื่นๆในระยะนี้สะท้อนว่าน่าจะมีเหตุบางอย่างที่บีบพวกเขาอยู่เช่นกัน
พวกนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผลประยชน์ รู้ข้อมูลวงใน
ที่ตรงไหนจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีแผนพัฒนาอย่างไรคนพวกนี้จะรู้ดีและรู้ก่อนคนอื่นเสมอ
แต่แทนที่จะเข้ามาซื้ออย่างสุจริตชนก็จะใช้วิธีกดดันให้เจ้าของที่ดินทนอยู่ต่อไปไม่ได้จนต้องบอกขาย
สำหรับกรณีของเรานั้นการบีบบังคับกดดันมีเบื้องหลังที่ซับซ้อนมากกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจ
มีการแอบอ้างกดดันเรามานานแล้ว ซึ่งเราได้พูดไปบ้างแล้วในบทความเรื่อง “โจรผู้ดี
!” (คลิกเพื่อดูบทความนี้)
เมื่อต้นปี
๒๕๕๗ เราแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกคลองสาธารณะข้างบ้านรายหนึ่ง
นายตำรวจที่รับผิดชอบงานสอบสวนของ สน. ถามเราด้วยสีหน้าอาการประหลาดใจอย่างมากว่าเรายังอยู่ที่นี่อีกหรือ
เขาถามย้ำคำถามนี้สองครั้ง แสดงว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเราจะยังทนอยู่ที่นี่ได้ คงคิดว่าหลังจากที่เขาทำคดีเกี่ยวกับผู้บุกรุกคลองสาธารณะอีกรายหนึ่งที่เราแจ้งความเมื่อกลางปี
๒๕๕๔ เราคงย้ายไปที่อื่นแล้ว
ทำไมเขาถึงคิดอย่างนั้น นายตำรวจคนนี้คงรู้ว่าเราเป็นเป้าหมายของการกดดันให้ออกไปจากที่นี่นานแล้ว
แต่แม้เขาจะรู้ว่าเราเป็นเป้าหมายของขบวนการบางอย่าง เขายังคงทำคดีที่เราแจ้งความอย่างตรงไปตรงมา
ซึ่งน้อยนักที่เราจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ต้องถือว่าเขาเป็นนายตำรวจน้ำดีคนหนึ่ง
การที่นายตำรวจผู้นี้รู้เรื่องการบีบให้เราขายบ้านออกไปจากที่นี่น่าจะบ่งบอกว่ามีการกระทำแบบนี้กันเป็นประจำ ไม่พอใจใคร อยากได้ที่ใคร
ก็จะใช้อำนาจอิทธิพลและเครือข่ายบีบบังคับกดดันกลั่นแกล้ง
จนคนต้องทำทุกอย่างที่เรียกกันติดปากว่า “อยู่เป็น” เพื่อความอยู่รอด
หลักการและความถูกต้องดีงามจึงถูกละเลย สังคมไทยจึงมีสภาพอย่างทุกวันนี้
เราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่
พ.ศ. ๒๕๐๐ หกสิบสี่ปี่แล้ว อยู่มาตั้งแต่รอบบ้านเป็นทุ่งไปจนถึงถนน
จนทุกวันนี้มีแต่อาคารกับดงคอนโด เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่รอบๆบ้านเรากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
และบ้านเราน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะปลดล็อคการเปลี่ยนแปลงนั้น