Sunday, October 04, 2015

สาระสำคัญ - ร่าง พรบ ซ้อมทรมานและบังคับให้คนสูญหาย


นายปิยนันต์ มธุรมน
 นายแพทย์ชำนาญการ
 กลุ่มนิติเวชคลินิก
สำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ ๒
 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

 สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการบังคับบุคคลให้สูญหาย 
ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย

 หลักการและเหตุผล
                  การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการละเมิด สิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจยกเว้นให้กระทำได้ไม่ว่า สถานการณ์ใดๆ แม้ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และร่วมลงนาม ในอนุสัญญา คุ้มครองบุคคลจากการบังคับให้สูญหาย แต่ยังไม่มีบทบัญญัติที่กำหนดฐานความผิด มาตรการป้องกัน และปราบปราม มาตรการเยียวยาผู้เสียหาย และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับ ข้อบทในอนุสัญญา ดังกล่าว จึงไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและช่วยเหลือเยียวยา ผู้เสียหายได้สมดังเจตนารมณ์ของ อนุสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าผูกพันอีกทั้งอนุสัญญาทั้งสองต่างมีลักษณะร่วมกัน หลายเรื่องที่ กำหนดให้ประเทศภาคีต้องปฏิบัติการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับ การป้องกัน และปราบปรามการทรมานและการ บังคับบุคคลให้สูญหายให้รวมกันอยู่ในฉบับเดียว จึงเป็นแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในประเทศไทยให้เทียบเท่าสากลจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

 มาตรา ๑ - ๔ คำนิยามการทรมาน
 . การกระทำหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ายีศักดิ์ศรี, การบังคับบุคคลให้สูญหาย,เจ้าหน้าที่ของรัฐ, ผู้เสียหาย, คณะกรรมการ, คดีทรมาน, คดีบังคับบุคคลให้สูญหาย, การจำกัด เสรีภาพบุคคล

หมวด ๑ การปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (มาตรา ๕ - ๑๖)
 . ความผิดและบทกำหนดโทษของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย
 . ความผิดและบทกำหนดโทษของผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ได้รับการสนับสนุนและยุยง จากเจ้าหน้าที่ของรัฐให้กระทำทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย
 . ความรับผิดและบทกำหนดโทษของผู้บังคับบัญชา . บทกำหนดอายุความ
 . การห้ามรับฟังคำให้การที่ได้มาจากการกระทำทรมานหรือการบังคับบุคคลให้สูญหาย  

หมวด ๒ การป้องกันการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (มาตรา ๑๗ - ๒๔)
 . หลักเกณฑ์ในจำกัดเสรีภาพของบุคคลโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
 . สิทธิในการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกจำกัดเสรีภาพ
 . สิทธิในการร้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งระงับการกระทำทรมานหรือบังคับบุคคลให้สูญหาย
 . อำนาจศาลในการไต่สวนคดีเพื่อการระงับการทรมาน หรือบังคับบุคคลให้สูญหาย และเยียวยา ความเสียหายเบื้องต้น
 . ข้อห้ามในการผลักดันกลับ (non-refoulement)

 หมวด ๓ คณะกรรมการ (มาตรา ๒๕ - ๓๕)
 . การแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
 . การกำหนดคุณสมบัติ วาระการดารงตาแหน่ง และอำนาจหน้าที่คณะกรรมการ
 . กำหนดให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเป็นสำนักงานธุรการของคณะกรรมการฯ

 หมวด ๔ การดำเนินคดีทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (มาตรา ๓๖ - ๔๓)
 . การแจ้งความดำเนินคดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย
 . การขอให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือเข้าร่วมปฏิบัติ หน้าที่
 . การกำหนดให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมีอำนาจมอบหมายให้พนักงานอัยการ หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา
 . เป็นพนักงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ คนหนึ่งคนใดเข้าร่วมสอบสวนคดี
 . ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจพิจารณาในการจัดให้มีนักนิติวิทยาศาสตร์ แพทย์ หรือจิตแพทย์ เข้าร่วมในการสืบสวนสอบสวน
 . การกำหนดให้การสืบสวนการสอบสวนและการดำเนินคดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย ให้ใช้บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยอนุโลม
 . การกำหนดให้พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ ดำเนินคดีและที่ปรึกษาคดี ได้รับค่าตอบแทนตามที่กำหนดในระเบียบของกระทรวงยุติธรรม 

บรรณานุกรม
 บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับ บุคคลให้สูญหาย. เข้าถึงได้จาก: https://voicefromthais.files.wordpress.com/2014/12/2.pdf. (วันที่ค้นข้อมูล 27 มีนาคม 2558)