เราๆท่านๆที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์เป็นประจำจะพบข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดปรากฏต่อเนื่องแทบจะรายวัน
จับได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ดูจะจับไม่ได้เสียมาก(มากเพราะเป็นอาชีพยอดฮิตติดตลาดของพวกโจรไปแล้ว) บุคคลหลากหลายวงการมีประสบการณ์กับแก๊งพวกนี้ไม่เว้นแม้แต่ตุลาการและคนในเครื่องแบบ
ใครไม่รู้เท่าทันก็ตกเป็นเหยื่อไป จากเดิมที่รู้จักแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฐานะผู้เสพข่าว
เราก็ต้องมาผจญกับแก๊งพวกนี้เอง
เมื่อเร็วๆนี้เราได้รับโทรศัพท์จากระบบอัตโนมัติเป็นเสียงผู้หญิงบอกว่าเป็นไปรษณีย์ไทยขอแจ้งว่ามีพัสดุหนึ่งชิ้นที่เรายังไม่ได้รับ
ติดต่อสอบถามกด 9 เราก็กด 9 มีผู้หญิงรับสาย
เขาอ้างว่าเป็นประชาสัมพันธ์อยู่ที่ไปรษณีย์กลางแจ้งวัฒนะหลักสี่ เขาถามหมายเลขพัสดุ
เราบอกว่าไม่มี เขาบอกว่างั้นขอชื่อที่อยู่จะค้นในฐานข้อมูลให้ ก็บอกชื่อที่อยู่ไป
หญิงคนนี้บอกว่าตามฐานข้อมูลระบุว่าพัสดุที่เราส่งไปให้คนๆหนึ่งที่เขตประเวศไม่มีคนรับและตีกลับมาอยู่ที่ไปรษณีย์กลางเป็นพัสดุค้างส่งนานกว่า
30 วัน(ตอนแรกระบบบอกว่ามีพัสดุที่เรายังไม่ได้รับ
แต่หญิงคนนี้บอกว่าเราเป็นคนส่ง) พร้อมกับระบุหมายเลขพัสดุ ปณ.และวันที่ที่เราส่งและผู้รับชื่อวิไล
อยู่ที่นฤมลแมนชั่น แขวงประเวศ (ตอนหลังเราค้นข้อมูลข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนเน็ตพบว่าพวกเขาเคยใช้มุขนี้มาก่อน
ตรงกันทั้งเนื้อหาและชื่อที่อยู่บุคคลที่ใช้สร้างเรื่อง) เราบอกว่าเราไม่ได้เป็นคนส่งพัสดุชิ้นนั้น เราสงสัยว่าคงเป็นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลยขอให้เขาสะกดชื่อนามสกุลของเขา
เขาบอกว่าชื่อกรรณิการ์ และเอานามสกุลดังสกุลหนึ่งมาอ้างเป็นนามสกุลของเขา(กลวิธีเพิ่มความน่าเชื่อถือ)
แต่กลับสะกดนามสกุลผิด พอเราแย้งและขอให้เขาสะกดใหม่ เขาก็ใช้ท่าทีไม่พอใจแล้วพูดบ่นวกวนไม่หยุด
บอกเสร็จว่าหัวหน้าเขาชื่ออะไร ถ้าเราไม่ได้เป็นคนส่งก็ให้เรายืนยันกับเจ้าหน้าที่แล้วให้ไปแจ้งความและไปขอดูวงจรปิดที่ไปรษณีย์ประเวศ(สร้างเรื่องให้ดูขึงขัง)
ถ้าเราถามอะไรที่เขาตอบไม่ได้ก็จะบ่ายเบี่ยงว่าที่เขามีข้อมูลแค่นี้เขามีหน้าที่แจ้งเราเท่านั้น
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องไปแล้ว
แต่พอถามว่าจะให้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ที่ไหน เขาตอบไม่ได้
อ้างว่าฐานข้อมูลมันขึ้นแค่นี้
ก่อนจะวางโทรศัพท์เขาบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อเราภายใน 5 ถึง
10 นาที (ตอนแรกบอกว่าภายใน 3 ถึง 5
นาที คงลืมไปแล้วเพราะเขาพูดแทรกพูดตัดบทพูดวกวนตลอดเวลา)
อีก 19 นาทีต่อมามีชายคนหนึ่งโทรมา อ้างว่าเป็นร้อยตำรวจเอก...... จากภูธร 6
จังหวัดพิษณุโลก เราถามเขาว่ามีตำแหน่งเป็นอะไร เขาบอกว่าเป็น “พนักงานสืบสวนสอบสวน”(นี่ก็มั่ว
ไม่เคยได้ยินตำแหน่งนี้) และแจ้งว่า “สำนักงานป้องกันและการปราบปรามการทุจริตการฟอกเงิน
ปปง.” (มั่วมากๆ เรียกชื่อยังไม่ถูกเลย) มาตรวจสอบพัสดุพบสมุดบัญชี 30 เล่ม บัตร ATM 30 ใบ เงินสด 1
แสนบาท 24 รายชื่อ หนึ่งในนั้นเป็นสมุดบัญชีของเรา
เป็นของธนาคาร...... อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งปปง. แจ้งว่า
บัญชีนี้ใช้ในการฟอกเงิน มูลค่าเสียหายประมาณ 1 ล้าน 7
แสนบาท
ถ้าเป็นเรื่องของเราเขาจะส่งเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัว(ข่มขู่ให้ตกใจกลัว)
เรารู้แต่แรกแล้วว่าเป็นไอ้พวกลวงโลก เราเลยบอกว่าส่งมาเลย ส่งมาเลย
ถ้ามีหลักฐานก็มาเลย ไอ้ตำรวจปลอมมันกลับบอกว่ามีคนแอบอ้างปลอมเอกสารของเรา และทางสำนักงานป้องกันและการปราบปรามการทุจริตการฟอกเงิน(หน่วยงานบ้าบออะไรของมัน) แจ้งว่า
ไม่ทันที่มันจะพูดต่อเราก็พูดแทรกว่า “โอ๊ย พูดยังไม่ชัดเลย เวรจริงๆ”
เท่านั้นแหละได้เรื่อง น็อตมันหลุดกระเด็นทันที
มันสำราก “ไอ้ควาย
กูพูดกับมึงดีๆนะ”
เรา “ก็มึงเป็นควายก่อนช่วยไม่ได้นี่
มึงอยากเป็นควายก่อน กูไม่รู้จะช่วยมึงยังไง”
มัน “มึงน่ะควาย อีเหี้ยยยยเอ๊ย”
เรา “เอ็ดแม่มึงสิ ไอ้สัดเอ๊ย ไอ้เหี้ย ไอ้โง่ ไอ้ควาย”
ถึงตรงนี้ ไอ้ตำรวจเก๊ได้หลุดพูดบางอย่างที่เราต้องขอบคุณมันจริงๆ
มัน “มึงเมื่อไหร่จะไป เมื่อไหร่จะไป” (งงใช่ไหมว่ามันพูดอะไรของมัน
เดี๋ยวจะเฉลยข้างล่าง)
เรา “มึงสิไป กูอยู่ของกูมาตั้งนานแล้ว (ตามด้วยคำสรรเสริญมันชุดใหญ่ยักษ์)”
มันพูดอีกสองคำซึ่งฟังไม่รู้เรื่องแล้ววางหูโทรศัพท์ไปเลย
การที่ตำรวจเก๊พูดว่า
“มึงเมื่อไหร่จะไป เมื่อไหร่จะไป” ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องราวที่มันอุปโลกขึ้นนั้น
เป็นเรื่องที่รู้กันระหว่างมันหรือเครือข่ายของพวกมันกับเรา
พวกนั้นบีบบังคับกดดันเราต่อเนื่องมายี่สิบเอ็ดปีเพื่อให้เราขายบ้านและที่ดินในย่านเอกมัยทองหล่อซึ่งเราอยู่มา
60 ปี(ตั้งแต่ พ.ศ. 2500)แบบขายทิ้งถูกๆ
มุขก่อกวนประจำวันที่พวกเครือข่ายอำนาจนอกระบบใช้กับเราเป็นประจำทุกวันคือการไล่ด้วยคำว่า
“ไป, ไปเลย” ถ้าเป็นด้านติดคลองก็จะใช้พวกสลัมที่บุกรุกคลองคอยตะโกนไล่ลอยๆ(ใช้คนที่อยู่อย่างผิดกฎหมายมาขับไล่คนที่อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย)
ยิ่งตอนนี้มาถึงจุดที่บีบพวกเขามากขึ้น เพราะอั้นไม่อยู่แล้ว เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมบางอย่าง
เช่น มีการรื้อย้ายสลัมที่บุกรุกคลองบางส่วนออกไป เป็นสัญญาณบวกต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บริเวณนี้
และเชื่อว่าปีหน้านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างซึ่งจะทำให้พวกเขาบีบบังคับเรายากยิ่งขึ้น
พวกเขาเองก็คงมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาบางอย่างบีบอยู่ด้วย สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ(Reverse
Mortgage) ที่ล่าช้ามาเป็นปี(ทั้งที่ไม่น่าจะต้องล่าช้าขนาดนั้น)ก็ทำท่าจะต้องคลอดจริงๆแล้ว
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะปิดกั้นเราทางเศรษฐกิจเพื่อบีบให้เราขายบ้านไม่ได้อีกต่อไปจึงต้องเร่งรัดเผด็จศึก
บ้านเราอีกด้านหนึ่งติดแฟลตตำรวจก็จะใช้บริการพวกสลัมที่เข้าไปใช้พื้นที่บริเวณแฟลตและลูกหลานตลอดจนครอบครัวตำรวจบางคนก่อกวน โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นเดือนธันวาฯ 60 มานี้
จะมีกลุ่มคนซึ่งเข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นพวกสลัมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ขึ้นไปจับกลุ่มส่งเสียงดังรบกวนอยู่บนตึกแฟลตตำรวจที่ติดกับบ้านเราแทบทุกวัน
พอโทรแจ้ง สน. บ่อยๆเข้าก็เกิดเหตุโทรไม่ติดจนต้องใช้บริการ 191 แทน ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้น
มีกลุ่มคนอ้างว่าเป็นตำรวจจะขอเข้าบ้านตอนตีสี่กว่า วันนั้นเป็นวันที่ 16 กันยายน 2560 เวลา 4.23
น. เราเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีเสียงกระแทกประตูรั้วโครมคราม
เสียงคนวิ่งเข้ามาจากหน้าบ้านผ่านใต้ถุนบ้านปีนรั้วออกไปด้านติดคลองแล้ววิ่งไปทางแฟลตตำรวจ(มันหนีตำรวจไปทางแฟลตตำรวจ??)
ขณะเดียวกันก็มีชาย 4-5 คน อออยู่หน้าประตูรั้วโหวกเหวกดังอื้ออึง
เราถามไปว่ามีอะไร ชายคนหนึ่งตะโกนตอบว่าเป็นตำรวจ มีคนทุบกระจกรถหนีเข้าบ้านเรา
ขอเข้าไปในบ้านเราได้ไหม เราบอกว่าคนนั้นปีนรั้วออกไปทางแฟลตตำรวจแล้ว
พวกเขาก็พากันออกไปจากจากซอย (ใครจะกล้าให้เข้าบ้านยามวิกาลอย่างนั้น
ต่อให้เป็นตำรวจจริงก็เถอะ !!)
สรุป
เหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้แท้จริงแล้วเป็นการหยิบยืมวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาใช้กับเรา
เสียดายที่เราไม่ได้เล่นไปกับเขาเลยไม่รู้ว่าพวกนั้นต้องการอะไรแน่ แต่เมื่อเอามุขนี้มาใช้ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามีเป้าประสงค์จะดูดเงินเราออกไปให้มากที่สุด
ซึ่งหากสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ(Reverse Mortgage) ที่เรารออยู่ต้องล่าช้าออกไปอีก(จะด้วยเหตุที่แปลกประหลาดพิศดารใดๆก็ตามไม่ว่าจะเป็นคลอดช้าหรืออนุมัติช้า)
เราก็จะถูกบีบจนต้องขายที่ทิ้งถูกๆตามที่พวกเขาต้องการ เฮ้อ!
ไม่รู้คิดแผนนี้ได้ไง ระยะนี้ข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดมีให้เห็นทุกวัน
เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วละลุง แถมยังมาหลุดเผยไต๋ไล่เราอีก เราเลยรู้ว่าเป็นพวกแก๊งโจรปล้นที่ดินนี่เอง
มีข้อสังเกตว่าหญิงที่อ้างตัวเป็นประชาสัมพันธ์ไปรษณีย์กลางมีความชำนาญในการพูดจาหว่านล้อมและบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกซักไซร้ราวกับคนทึ่คุ้นเคยกับงานประเภทนี้
จึงสงสัยว่าเครือข่ายที่บีบบังคับกดดันเราอยู่นี้ใช้บริการจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริงๆ
และสงสัยต่อไปว่าพวกเขาอาจมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงหรือแม้แต่ทำมาหากินกับมิจฉาชีพกลุ่มอื่นๆด้วย
...........เพราะเงินหมุนเวียนนอกระบบมันเยอะมากกกก
!!