Friday, June 17, 2011

ไทยควรจะมีเรือดำน้ำได้แล้ว


ทราบข่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่ากองทัพเรือไม่ได้รับการอนุมัติเรื่องการซื้อเรือดำน้ำมือสองจากเยอรมัน จำนวน 6 ลำ ราคา 7 พันกว่าล้าน(บาท) ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะประเทศไทยมีเขตแดนทางทะเลยาวเหยียดทั้งด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีพื้นที่ทางทะเลที่จะต้องปกปักรักษากว้างใหญ่ไพศาล โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลที่ชนกับประเทศรอบบ้านทุกประเทศ ทั้งกัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซียในด้านอ่าวไทย และชนกับพม่า อินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทางด้านอันดามัน ทำให้กองทัพเรือต้องมีภาระรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยจึงควรมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งซึ่งรวมถึงการมีอาวุธที่มีอานุภาพสูงอย่างเรือดำน้ำด้วย

ต่อมาเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้ มีโอกาสได้ดูสารคดีเรื่อง “สะพานเดินเรือ” ทางโทรทัศน์ดาวเทียมช่องหนึ่งทำให้ทราบว่า หากกองทัพเรือมีเรือดำน้ำก็จะทำให้การปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลทั้งด้านทะเลอันดามันและด้านอ่าวไทยด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้เรือรบ(เรื่องการส่งกำลังบำรุง ฯลฯ) มีความคล่องตัวสูง และสามารถหลบหลีกการตรวจพบจากฝ่ายตรงข้ามได้ดีกว่า รวมทั้งใช้สืบหาข้อมูลหาข่าวต่างๆได้อย่างมีประสิทธิผล และที่สำคัญการมีเรือดำน้ำยังช่วยในการป้องปรามฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี

เมื่อครั้งที่เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงรับราชการในกองทัพเรือ พระองค์เคยเสนอว่ากองทัพเรือควรมีเรือดำน้ำประจำการอย่างน้อย 9 ลำ เพื่อลาดตระเวนให้ทั่วถึงทั้งด้านอันดามันและอ่าวไทย ชื่อ “อ่าวไทย” ก็บอกอยู่แล้วว่าทะเลตรงนี้เป็นศักดิ์ศรีของประเทศไทย เราไม่สมควรจะมีเครื่องมือดีๆอย่างเรือดำน้ำไว้คอยดูแลปกป้องน่านน้ำของเรา เพื่อทำให้ศัตรูเกรงขามบ้างหรือ หลายสิบปีมาแล้วที่กองทัพเรือของไทยไม่มีเรือดำน้ำ ทั้งๆที่มีกำลังพลด้านนี้พร้อมอยู่นานแล้ว และในอดีตราว พ.ศ 2481 กองทัพเรือไทยก็เคยมีเรือดำน้ำถึง 4 ลำ ซื้อจากประเทศญี่ปุ่น แต่ต้องปลดประจำการหลังจากใช้งานมา 10 กว่าปี เพราะประสบปัญหาเรื่องอะไหล่เนื่องจากญี่ปุ่นแพ้สงครามและถูกห้ามมิให้ผลิตอะไหล่เรือดำน้ำ

จากประเทศที่เคยมีเรือดำน้ำเป็นอันดับต้นๆของเอเซีย ปัจจุบัน เราไม่มีเรือดำน้ำเลยแม้แต่ลำเดียว ขณะที่ประเทศอื่นๆในอาเซียนเกือบทุกประเทศมีเรือดำน้ำกันแล้ว แม้แต่ประเทศเล็กๆอย่างกัมพูชาก็กำลังจะมีเรือดำน้ำ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ไทยจะมีเรือดำน้ำเพื่อเพิ่มศักยภาพของกองทัพเรือในอันที่จะปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ หรือจะรอให้เขมรมีเรือดำน้ำก่อน เราจึงจะค่อยรู้สึกกัน และถ้าต้องรอให้ถึงตอนนั้นไทยอาจต้องเสียโอกาสและผลประโยชน์อย่างที่ไม่ควรจะต้องเสียก็ได้ และอาจต้องจดจำกันไปชั่วลูกชั่วหลานว่าเขมรมีเรือดำน้ำก่อนไทย !

….อุปสรรคยาวนานของเรื่องนี้อยู่ที่ใคร?....

....หรือว่าต้องเปลี่ยนสัญชาติเรือดำน้ำ เหมือนที่เป็นข่าวเรื่องรถไฟความเร็วสูงจากจีนซึ่งติดขัดไปหมด ขณะที่ลาว กัมพูชา และเวียดนาม หรือแม้แต่พม่า มีความคืบหน้าไปมากแล้ว... ยังไม่นับเรื่อง 3 G นะ....


Sunday, February 20, 2011

กิริยามารยาท ?


ตอนนี้เราติดซีรีส์เกาหลีเรื่อง แดจังกึม พอใกล้หนังจะมาเราจะดูช่องนี้ ทำให้ได้ดูรายการกีฬาช่วงท้ายข่าวเที่ยงไปด้วย วันนี้ผู้ดำเนินรายการพูดเรื่องการถ่ม(ถุย)น้ำลายซึ่งรวมถึงการถ่มน้ำลายของนักกีฬาประเภทต่างๆ ตั้งแต่ กอล์ฟ บอล เทนนิส ว่าเป็นการกระทำที่หยาบ เป็นสัญลักษณ์ของสังคมที่ไร้ความเจริญและไร้มารยาท และพูดถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง ซึ่งทางการจีนสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ เพื่อไม่ให้ชาวโลกดูถูก เมื่อฟังตามที่เขากล่าวมานี้ ดูเหมือนผู้ดำเนินรายการจะเข้าใจเรื่องกิริยามารยาทพอสมควร

ก่อนหน้านี้ผู้ดำเนินรายการพูดถึงโรนัลโด สุดยอดนักฟุตบอลชาวบราซิล และเป็นนักฟุตบอลในดวงใจของเขา เป็นสกู๊ปของโรนัลโดโดยเฉพาะ แต่ที่เราจะพูดถึง คืออาการที่อาจอินกับเรื่องที่พูดมากไปหรือไงไม่ทราบ มีช่วงหนึ่งเขาเตะเท้ามาข้างหน้าแทบจะตรงมายังผู้ชมทางบ้าน ขนาดเห็นพื้นรองเท้าของเขา เป็นกิริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่งโดยเฉพาะในวัฒนธรรมไทย และผู้ดำเนินรายการน่าจะทราบดีเพราะเป็นคนไทยคนหนึ่ง สถานภาพการเป็นผู้ดำเนินรายการกีฬาของเขาอาจมีอิทธิพลต่อทัศนคติและการเป็นแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ การพูดตามสคริปจะให้ดีอย่างไรก็ได้ แต่การกระทำต้องสอดคล้องตามที่พูดด้วย กิริยามารยาทที่ดีของสังคมเราก็ควรรักษาและทำตัวให้เป็นแบบอย่างแก่เยาวชน อย่าลืมว่าขณะใดขณะหนึ่งจะมีผู้ชมทางบ้านทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก นอกจากเด็กและเยาวชนรุ่นเดียวกับผู้ดำเนินรายการแล้ว ยังมีผู้ใหญ่รุ่นลุงป้าน้าอาของผู้ดำเนินรายการดูอยู่เป็นจำนวนมากและอาจเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ดูอยู่ด้วยซ้ำ และในจำนวนนี้อาจมีหลายคนเป็นครูบาอาจารย์ของเขาเองหรือบุคคลที่เขาเคารพนับถือ

มีครั้งหนึ่ง ราชบัณฑิตท่านหนึ่งที่มาออกรายการโทรทัศน์ได้กล่าวเตือนสติผู้ดำเนินรายการทั้งหลายเรื่องการใช้ถ้อยคำว่าบุคคลในสถาบันที่พวกเขากราบไหว้ก็ดูอยู่ด้วย ซึ่งคำเตือนสตินี้ย่อมรวมถึงกิริยาอาการอื่นๆด้วย ฉะนั้น จะทำอะไรก็คิดกันบ้าง ไม่ได้มีแต่คนที่พวกคุณอยากให้ดูเท่านั้นที่ดูอยู่ หรือว่าก็รู้ แต่ไม่แคร์ และที่ผู้ดำเนินรายการพูดว่า น้ำลายอาจทำลายอนาคตและชื่อเสียงของคนได้ นั้น น่าจะกล่าวให้ครอบคลุมกว่านั้นว่า กิริยามารยาทอาจทำลายอนาคตและชื่อเสียงของคนได้

ข้อคิดข้างต้นไม่จำกัดเฉพาะผู้ดำเนินรายการผู้นี้เท่านั้น แต่รวมถึงสื่อและผู้ดำเนินรายการจำนวนมากที่ปัจจุบันนำเสนอภาพทำนองนี้อย่างจงใจจนเกิดคำถามว่าพวกเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ และกำลังเกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย

ขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดของผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ช่องหนึ่งนานมาแล้วว่า คนสมัยนี้เขาไม่อ่านหนังสือสมบัติผู้ดีกันแล้วหรือ?

......